Site icon ThaiBuyer Guide จะซื้ออะไรก็คุ้ม เมื่่ออ่าน ThaiBuyer Guide

รวม 7 วัดดังญี่ปุ่น ที่ใครไปญี่ปุ่นแล้วต้องไปให้ได้

รวม 7 วัดดังญี่ปุ่น
วัดดังญี่ปุ่น วัดเซนโซจิ

วัดเซนโซจิ

น่าจะเป็นวัดดังญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงที่สุดและได้รับการถ่ายภาพบ่อยครั้งที่สุดในโตเกียว เป็นวัดในพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง มีเจดีย์ 5 ชั้น, กลิ่นหอมของธูป, ชายคาขนาดใหญ่ เชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนย้อนเวลากลับไปยังโตเกียวในอดีต จุดเด่นของวัดนี้ คือ เมื่อร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยควันของธูป โรคภัยไข้เจ็บจะได้รับการเยียวยาและสภาพร่างกายจะได้รับการฟื้นฟู และ ถนนนากามิเสะที่มุ่งตรงไปยังวัดเซนโซจิ มีร้านค้าจำหน่ายงานหัตถกรรม, ของที่ระลึก, ขนมขบเคี้ยวและอาหารว่างต่างๆ กว่า 90 ร้านตั้งเรียงรายอยู่ สามารถเที่ยวชมงานในแต่ละฤดูกาลที่จัดขึ้นที่วัดเซนโซจิได้ตลอดทั้งปี ในบรรดางานที่มีชื่อเสียงจะรวมถึงตลาดกราวด์เชอร์รีในเดือนกรกฎาคม, ตลาดฮาโกอิตะในเดือนธันวาคม

วัดโคโตคุอิน (พระใหญ่แห่งคามาคุระ)

ตั้งอยู่ที่จังหวัดคะนะงะวะ มีสัญลักษณ์ที่สำคัญมากๆของเมืองคามาคุระ คือพระพุทธรูปที่สูงเป็นอันดับสองของญี่ปุ่น  พระใหญ่ไดบุตสึ (Kamakura Daibutsu) หรือที่ได้รับการขนานนามว่า “Great Buddha of Kamakura” นั่นเอง เรื่องราวที่ทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธรูปองค์นี้อย่างมากเพราะเมื่อสมัยก่อนมีห้องโถงที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้ไว้แต่หลายครั้งที่ผนังและหลังคาเสียหายจากลมพายุ และในครั้งที่เสียหายมากที่สุดเพราะโดนสึนามิ ทำให้เหลือแต่พระพุทธรูปไดบุตสึเพียงองค์เดียวท่ามกลางซากปลักหักพัง คนจึงเลื่อมใสและเชื่อว่าองค์พระนี้ปกปักรักษาเมืองคะมะคุระตลอดมา ข้อแนะนำสพหรับการมาเที่ยวชมวัดควรเดินทางมาในช่วงต้นเดือนเมษายน เพราะนอกจากจะได้เห็นความงามของพระใหญ่ไดบุตซึแล้ว ยังได้เจอกับซากุระที่ออกดอกบานสะพรั่งสวยงามรอบวัดอีกด้วย

วัดโทไดจิ (Todaiji) 

            วัดโทไดจิหรือวัดหลวงพ่อโตแห่งเมืองนารา เป็นวัดที่มีความสำคัญระดับประเทศ มีเรื่องราวความสำคัญทางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นอย่างมาก และเป็นวัดที่มีชื่เสียงโด่งดังอย่างมากอีกด้วย  ไฮไลท์ของวัดนี้คือาคารหลักที่สร้างจากไม้ อาคารหลังนี้ได้การยอมรับว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในปัจจุบันขนาดของอาคารเล็กลงเหลือเพียง 2 ใน 3 ของขนาดจริงในสมัยก่อน และพระที่ประดิษฐานที่อาคารหลังนี้ คือ
หลวงพ่อโตหรือ ไดบุตสึเดน เป็นพระพุทธรูปองค์ที่ใหญ่ที่สุดตามขนาดของอาคาร นอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิที่มีภายในวัด และมีสถาปัตยกรรมแล้ว ก็ยังมีกวางให้ผู้ที่เข้าไปสักการะได้ให้อาหารที่มีร้านค้าบริเวณวัดขาย เป็นขนมที่ทำขึ้นสำหรับกวางโดยเฉพาะ เรียกว่า ขนมแซมเบ้ เด็กๆน่าจะชื่นชอบไฮไลท์ส่วนนี้ของวัดอย่างแน่นอน

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ หรือ ศาลเจ้าแดงที่คนไทยที่นิยมไป เพราะเป็นศาลเจ้าที่สวยงาม เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะเห็นรูปปั้นจิ้งจอกอยู่จำนวนมากภายในศาลเจ้านั่นเอง เสาโทริอินี้มาจากการที่คนบริจาคตั้งแต่ราคาน้อยจนราคาสูงตามขนาดของเสานั้นๆ นอกจากนั้นถ้าเหนื่อยแล้วก็ยังมีร้านอาคารท้องถิ่นและร้านขนมที่ขายอาหารแบบชุด แต่มีความพิเศษอยู่ตรงที่จะมีการตั้งชื่อให้เข้าธีมจิ้งจอกอย่างซูชิจิ้งจอกหรืออูด้งจิ้งจอก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมายังมักจะนิยมเดินเที่ยวชมภูเขาอินาริแค่ถึงจุดชมวิวที่เรียกว่า ทางแยกโยซึซึจิ(Yotsutsuji intersection) เพื่อสามารถชมวิวเมืองเกียวโตงามๆและสูดอากาศสดชื่นได้เต็มปอดไปพร้อมๆกัน เพราะถ้าจะเดินให้ทั่วทั้งภูเขาแล้วเนี่ยอาจจะต้องใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งในวัดดัง ที่ทัวร์ญี่ปุ่น ต้องจัดไปเที่ยว ที่ใครไปแล้วก็พลาดไม่ได้

วัดคินคะคุจิหรือวัดทอง ( Kinkakuji Temple)

วัดทอง ปชื่อเล่นนี้ได้มาก็ตามชื่อ คืออาคารหลักของวัดนี้เป็นสีทอง สร้างขึ้นกลางน้ำ เวลาที่มีแสง ตกกระทบ เงาของอาคารหลักที่สะท้อนกับพื้นน้ำเป็นภาพที่สวยงามน่าดูชมอย่างมาก วัดนี้เป็นวัดที่ได้รับงามนิยมสูงทำให้กลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองเกียวโต นอกจากนี้บรรยากาศโดยรอบก็ถูกออกแบบมาให้ร่มรื่นและสถาปัตยกรรมแบบโบราณที่ทำให้ที่นี่มีความสวยงามเฉพาะตัวอย่างมากและยังคงสมบูรณ์มาก ดูแทบไม่ออกว่าเคยผ่านสงครามโอนินมาแล้ว และด้วยความงดงามตระการตาจึงกลายมาเป็นต้นแบบของวัดวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินที่ถูกสร้างโดยหลายชายของโชกุนในต่อมา

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera)

หรือที่เราๆรู้จักกันในชื่อ วัดน้ำใส วัดมีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) ที่มาของชื่อวัดมาจากการที่วัดแห่งนี้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นปี ค.ศ. 780 แล้วมีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัด จุดที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์การท่องเที่ยวของที่นี่ก็คงไม่พ้น อาคารไม้ขนาดใหญ่ที่แค่การสร้างก็น่าทึ่งแล้ว เพราะการสร้างทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะปูใดๆทั้งสิ้น ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่สุดยอดเลยจริงๆ
เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วย

วัดชิเทนโนจิ วัดพุทธแห่งแรกของญี่ปุ่น ( Shitennoji Temple)

ไม่เพียงแต่เป็นวัดพุทธแห่งแรกของญี่ปุ่นเท่านั้นนะคะ แต่ยังได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากที่สุดของญี่ปุ่น ถ้านับจนถึงปีนี้ก็เป็นเวลาราวๆ 1,400 ปีแล้ว โดยจะเห็นได้ว่าตัววัดได้มีการถูกบูรณะอยู่เรื่อยๆทำให้ยังคงสภาพที่ยังคงความงดงามอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ เรียกได้ว่าแม้จะถูกไฟไหม้มานับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรวัดแห่งนี้ได้แต่น้อย ความงดงามนี่ยังคงสไตล์เดิมๆเหมือนสมัยศตวรรษที่ 6 อย่างไรอย่างนั้น ภายในวัดจะมีทั้งสองส่วนทั้งแบบที่ต้องเสียค่าเข้าชมและสามารถเข้าได้เลยฟรีๆ เพียงแต่ส่วนในของวัดเข้าไปจะมีการเสียค่าเข้าชมอยู่ ไฮไลท์ที่มีชื่อเสียของที่นี่ก็นั่นก็คือสวนโกคุราคุ-โจโดที่มีการตกแต่งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ นอกนั้นยังจะมีส่วนอื่นๆที่น่าสนใจอย่างห้องเก็บสมบัติที่มีการจัดแสดงทรัพย์สมบัมติอันล้ำค่าของวัดไปจนถึงภาพวาดตามพระคัมภีร์ รวมทั้งส่วนของเจดีย์ 5 ชั้นที่ตั้งยังโดดเด่นเป็นสง่าและห้องโถงหลักของทางวัดที่เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในทุกยุคทุกสมัยอีกด้วย