ในช่วงปีหลังๆมาน่านเป็นที่เที่ยวอีกจุดที่ได้รับความนิยมและมีแนวโน้วที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีทรัพยากรการท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลายและสมบูรณ์ และเหมาะที่จะแวะไปพักผ่อนหย่อนใจ หลีกหนีจากความจำเจและสังคมเมือง น่านมีทั้งอากาศที่สะอาด บรรยากาศที่สงบเงียบ ธรรมชาติที่ยังไม่บอบช้ำน่าจะดูสวยต่างกันออกไปในแต่ละฤดู ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนน่านจะเขียวชะอุ่ม และมีหมอกปกคลุม แต่ถ้าเดินทางไปช่วงหน้าหนาวก็จะได้ปะทะกับลมหนาวที่หนาวมากกกก ถูกใจคนเมืองที่เดินทางหนีแดดร้อนจากในเมืองแน่ๆ
ถนนลอยฟ้า ดอยภูคา
ถนนเส้นทางพิเศษนี้เป็นถนนจากอำเภอปัว-อำเภอบ่อเกลือ เส้นทางนี้ไม่ได้พิเศษเพราะมันทำให้เดินทางเร็วขึ้นแต่มันพิเศษเพราะระหว่างสองข้างทางของถนนเส้นนี้มีธรรมชาติที่สวยงามมาก เขียวชะอุ่มไปตลอดทั้งแนว ในช่วงหน้าฝน เราจะได้เห็นหมอกลอยปกคลุมยอดภูเขา และต้นไม้ที่ใบเป็นสีเขียวเข้ม หากใครที่เดินทางผ่านมาทางนี้ สามารถจอดรถแวะถ่ายรูปได้ตลอดทั้งเส้นทาง ผลงานก็จะออกมาตามฝีมือของช่างภาพแต่รับประกันว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับฉากหลังธรรมชาติของถนนเส้นนี้อย่างแน่นอน
วัดพระธาตุแช่แห้ง
หลังจากแวะถ่ายรูปที่ถนนลอยฟ้าแล้ว เราก็ต้องมากราบนมัสการวัดดังแห่งเมืองน่านสักหน่อย
วัดพระธาตุแช่แห้งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของน่าน อายุกว่า 600 ปี ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน
อำเภอภูเพียง อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร องค์เจดีย์สูงถึง 55.5 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นองค์พระเจดีย์ได้แต่ไกล ภายในวัดนี้มีทั้งโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ให้ได้กราบไหว้และยังมีศิลปะให้ได้ชื่นชมอีกด้วย
ดอยเสมอดาว
ดอยเสมอดาวนี้ไม่ได้เพราะแค่ชื่อเท่านั้นแต่ยังมีคุณค่าความงดงามที่น่าไปชื่นชมให้ได้สักครั้งอีกด้วย ดอยเสมอดาวนั้นเป็นลานกว้าง ที่เหมาะสำหรับการไปกางเต็นท์พักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินหรือเป็นช่วงพระอาทิตย์ขึ้นจะได้ชมหมอกเช้าที่สวยงามอย่างมาก และมีทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นแนวภูเขาที่สลับซับซ้อน อากาศบนดอยเสมอดาวจะเปลี่ยนอย่างฉับพลันเมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนสี ช่วงก่อน 4 โมงเย็น อากาศจะร้อนจนตับแตกได้ แต่เมื่อพระอาทิตย์ตก อากาศจะเย็นลงอย่างทันทีทันใด ขอแนะนำให้เตรียมตัวมาให้ดี กลางวันไม่เป็นไร แต่ตอนกลางคืนผ้าห่มเป็นอะไรที่สำคัญจริงๆ เมื่อแสงแดดออกมาไล่ไอหมอกให้จางหายไปก็จะทำให้เราได้ซึมซับทิวทัศน์ของทิวเขาของดอยเสมอดาว
วัดพระธาตุเขาน้อย
ถึงจะชื่อเขาน้อยแต่ไม่น้อยหน้าวัดไหนในนครน่านนี้อย่างแน่นอน แต่ได้ชื่อว่าพระธาตุเขาน้อยก็เพราะวัดนี้ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อย อายุของวัดนี้สันนิฐานว่าใกล้เคียงกับวัดพระธาตุแช่แห้ง ด้วยความที่วัดนี้ตั้งอยู่บนดอยซึ่งเป็้นที่สูงทำให้เราสามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองน่าน ได้โดยรอบ และด้วยอายุของวัดพระธาตุเขาน้อยนี้อยู่คู่กับเมืองน่านมาอย่างยาวนาน ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุหลายครั้ง จนกระทั่งมีการบูรณะครั้งใหญ่ โดยช่างชาวพม่า ชื่อหม่องยิง ในปี พ.ศ. 2449-2454 กรมศิลปากรจึงได้ทำการสำรวจและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2523 นั่นเอง
บ่อเกลือสินเธาว์
แต่เดิมบ่อเกลือโบราณมีถึง 7 บ่อ แต่ในปัจจุบันเหลือเพียง 2 บ่อใหญ่ๆเท่านั้น เรียกว่า บ่อเกลือเหนือกับบ่อเกลือใต้ เรื่องราวความเป็นไปต่างๆนั้นล้วนเกี่ยวเนื่องมาจากอดีตทั้งสิ้น สมัยก่อนชาวบ้านต้องทำเกลือเป็นส่วยส่งให้กับพม่าสมัยที่เป็นเมืองขึ้นอยู่ ทำให้อำเภอบ่อหลวงเป็นแหล่งส่งออกเกลือที่สำคัญ แต่เรื่องราวก็ดำเนินมาและเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นแหล่งผลิตเกลือเหมือนเดิม ชาวบ้านยังคงต้มเกลือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม โดยตักน้ำเกลือจากบ่อส่งผ่านมาตามลำไม้ไผ่สู่บ่อพัก ก่อนจะนำน้ำเกลือมาต้มในกะทะใบบัวขนาดใหญ่เคี่ยวจนน้ำงวดแห้ง ใส่ถุงวางขายกันหน้าบ้าน เกลือเมืองน่าน ไม่มีไอโอดีนเหมือนเกลือทะเลจึงต้องมีการเติมสารไอโอดีนก่อนถึงมือผู้บริโภค บ่อเกลือจะปิดช่วงเข้าพรรษาเพราะเป็นฤดูฝน การชมบ่อเกลือแนะนำว่าควรไปในช่วงเช้าก่อน 10 โมง จะเป็นช่วงที่แสงจากพระอาทิตย์ยังไม่สว่างมาก ควันสีขาวจะลอยออกมาจากเตา
บ้านสะปัน
สำหรับท่านใดที่ร่างกายต้องการความสงบ ร่มเย็นทางใจ สะปันกำลังรออยู่ สะปันเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ นอกจากได้พักใจ พักปอดแล้ว ก็ยังได้พักสายตาด้วย ทิวทัศน์ท้องนาสีเขียวชอุ่มให้ความรู้สึกเย็นสบาย นอกจากนี้หมู่บ้านสะปันก็ยังมีแม่น้ำตกด้วย แต่สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว คือที่พักโฮมสเตย์ของชาวบ้านที่บางที่จะรับนักท่องเที่ยวแค่คืนละกลุ่มเท่านั้น ทำให้นักท่องเที่ยวที่ชอบความเป็นส่วนตัวถูกใจกันมากแต่ก็ยังมีโฮมเตย์อื่นๆที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเอง ให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อน ถ้าหากใครต้องการจะตั้งแคมป์ทางวัดสะปันก็มีที่ไว้รองรับสำหรับกางเต็นท์ด้วย การเดินทางไปหมู่บ้านสะปัน ไม่ยากนัก เพราะใครขับรถยนต์ส่วนตัวมาก็สามารถขับเข้าไปที่หมู่บ้านเองได้เลย แต่สำหรับใครที่นั่งเครื่องบินมา สามารถเช่ารถจากสนามบินได้หรือขึ้นสองแถวจากสนามบินต่อมาที่หมู่บ้านก็ได้เช่นกัน
วังศิลาแลง
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดจากธรรมชาติเป็นร่องน้ำที่กัดเซาะหินริมตลิ่งจนกลานเป็นโตรกน้ำสองข้างทาง เราจะสามารถเดินเข้าไปสำรวจและชมได้ช่วงที่เป็นน่าแล้ง เพราะน้ำจะน้อยทำให้เดินผ่านไปได้และสามารถเล่นน้ำได้ด้วย และอยู่ห่างกันไม่ไกลมีวัดพระธาตุศิลาแลงให้ได้เข้าไปกราบไหว้
วัดภูมินทร์
ความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของวัดภูมินทร์คือพระอุโบสถจตุรมุขและวิหารสร้างขึ้นเป็นหลังเดียวกันเป็นพระอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย พระอุโบสถนี้ไม่ว่าจะเดินขึ้นบันไดทิศใด จะพบพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกด้าน และอีกหนึ่งไฮไลท์ของวัดภูมินทร์คือภาพวาดกระซิบรักบันลือโลกที่มีชื่อเสียงนั่นเอง ภาพปู่ม่านย่าม่าน ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อในสมัยโบราณ ภาพวาดของหนุ่มสาวคู่นี้มีความประณีต และภาพนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่งดงามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ซุ้มต้นลีลาวดี
กรมศิลปากรได้รับมอบอาคารหอคำและประกาศจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ขึ้นในปีพุทธศักราช 2528 ภายในแบ่งส่วนการจัดแสดงเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นบน จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องโบราณคดีและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และบริเวณนอกตึก มีซุ้มต้นลีลาวดี หรือต้นลั่นทม บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ที่ขึ้นเป็นแถวเรียงราย 2 ข้างทางเดิน แผ่ขยายกิ่งก้านโค้งเข้าหากัน ดูคล้ายอุโมงค์ต้นไม้ เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยเดินเล่นชมบรรยายากาศที่ร่มรื่น นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมหอคำและเก็บภาพสวยๆบริเวณซุ้มต้นลีลาวดีนี้
เสาดินนาน้อย
สร้างสรรค์โดยธรรมชาติใช้เวลานานนับพันปี ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สวยงาม อาจจะดูธรรมดาแต่ดูจากกาลเวลากว่าธรรมชาติจะสร้างสิ่งนี้ได้สำเร็จจึงควรค่าแก่เข้าไปชมอย่างมาก ที่นี่ยังถือเป็นโลเคชั่นสุดงดงามในการถ่ายภาพ ด้วยแบ็กกราวด์ที่ดูแปลกตาของเสาดินต่างๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน
และสำหรับใครไม่เคยไปเที่ยวน่าน หรือไม่อยากขับรถไปเอง ตอนนี้ก็มีหลายบริษัททัวร์ ทำแพคเกจทัวร์น่าน ออกมาให้คุณจับจองไปเที่ยวกับแบบสบายๆ แล้ว มีทั้งเดินทางด้วยบัส รถตู้ หรือแม้กระทั่งเครื่องบิน สะดวกสบาย ก็มี ทำให้จังหวัดน่าน เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่น่าท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และนอกจากนี้ยังสามารถติดตาม บทความท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ที่นี้