Home ท่องเที่ยว 24 วัดสวยที่สุดในประเทศไทย ที่ต้องไปให้ได้ซักวัด UNSEEN Thailand

24 วัดสวยที่สุดในประเทศไทย ที่ต้องไปให้ได้ซักวัด UNSEEN Thailand

0
24 วัดสวยที่สุดในประเทศไทย ที่ต้องไปให้ได้ซักวัด UNSEEN Thailand
วัดสวย ในไทย
วิหารเทพวิทยาคม

วิหารเทพวิทยาคม

วัดบ้านไร่เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเป็นสถานที่จำพรรษาของ หลวงพ่อคูณ ปริสทฺโธ เกจิอาจารย์ชื่อดัง ในแต่ละวันมีผู้คนจากทุกสารทิศเดินทางมานมัสการหลวงพ่อคูณกันเป็นจำนวนมาก อุโบสถของวัดสร้างยกพื้นสูงตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสวยงาม ชั้นล่างเป็นศาลาขนาดใหญ่สำหรับพิธีการทำบุญต่างๆ ภายในวัดที่มีลูกศิษย์ลูกหามารวมกันเป็นจำนวนมาก มีพื้นที่อุทยานธรรม และภายหลังมีการสร้างวิหารเทพวิทยาคม (วิหารปริสุทปัญญา) เป็นวิหารขนาดใหญ่ทรงกลม วิหารประดับด้วยกระเบื้องโมเสกจำนวนเกือบ 20 ล้านชิ้น โดยมีส่วนหลังคาเป็นรูปช้างเอราวัณพาหนะของพระอินทร์ มีขนาดใหญ่ ส่วนเศียรช้างมีน้ำหนักถึง 520 ตัน มีงาขนาดใหญ่หนักข้างละประมาณ 10 ตัน มีภาพจิตรกรรม และงานปูนปั้นประดับกระเบื้องโมเสก แฝงด้วยคติธรรมะ มีซุ้มโดยรอบ 4 ทิศ ได้แก่ทิศตะวันตก พระพิรุณ ทิศเหนือ พระกุเวร ทิศตะวันออก พระอินทร์ ทิศใต้ พระยม นอกจากนี้ก็ยังมี พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ อุโบสถกระเบื้องเคลือบ ศาลาปริสุทธาร(ศาลาน้ำมนต์)ศาลาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หรือศาลาปริสุทธรรม อุทยานธรรม

วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว

วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว

            รู้จักกันในชื่อ วัดเรืองแสง เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า  จุดเด่นของวัดคือ การได้มาชมภาพเรืองแสงเป็นสีเขียวของของต้นกัลปพฤกษ์ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถ
เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเอง โดยใช้สารเรืองแสง แต่ภาพเรืองแสงนี้หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย วัดแห่งนี้ยังมีจุดชมวิวทิวทัศน์ซึ่งเป็นวิวลำน้ำโขง และมองเห็นวิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาวด้วย ตัวอุโบสถมีต้นแบบมาจาก วัดเชียงทอง ประเทศลาว
เสาแต่ละต้นลงลวดลายด้วยมือ หัวใจหลักของการทำพุทธศิลป์ คือ การนำเสนอ งานศิลปะที่เกิดจากความสงบ ความเพียร ความอดทน และวิสัยทัศน์ งานแต่ละชิ้นต้องคิดจากความคิดอันวิจิตรและขบคิดมาก่อนทั้งสิ้น

วัดปากน้ำโจ้โล้

วัดปากน้ำโจ้โล้

ตั้งอยู่ที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชมพระอุโบสถหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ทาสีทองทั้งหลัง  ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือหรือนอกตัวอุโบสถ ที่งดงามตระการตาเป็นอย่างมาก ภายนอกวัดมีเรือโบราณในสมัยก่อนที่อยู่ในยุค สมเด็จพระจ้าตากสิน โชว์ไว้อีกด้วย นอกจากนี้ภายในอุโบสถยังสามารถลอดใต้ฐานพระประธานเพื่อความเป็นสิริมงคล อีกด้วย  แต่เดิม วัดปากน้ำโจ้โล้เป็นสำนักสงฆ์ ในอดีตบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของทัพพม่า ซึ่งยกทัพบกทัพเรือไปปะทะกับกองทัพ สมเด็จพระเจ้าตากสินต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมีชัยจึงโปรดฯ ให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ ปัจจุบันได้มีการสร้าง อุโบสถหลังใหม่เป็นสีทองทั้งหลัง

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว 

วัดพระธาตุผาแก้วหรือวัดผาซ่อนแก้วนี้ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ค่ะ ซึ่งที่เรียกกันว่า “ผาซ่อนแก้ว” นั้นเนื่องจากมีภูเขาสูงใหญ่ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขา มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา มีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า “ผาซ่อนแก้ว” นั่นเอง วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วนี้เป็นสถานปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ให้ได้มาพักกายพักใจในที่ซึ่งรายล้อมไปด้วยหุบเขาที่แสนสงบเงียบในอากาศเย็นสบาย ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม แล้วยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบูรณ์อีกด้วย เพราะรอบๆ วัดตัวประดับประดาด้วยกระจกหลากสีสัน ไปจนกระทั่งถึงเจดีย์ ทำให้ความสวยงามของที่นี่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนอย่างไม่ขาดสาย

เขาชีจรรย์ จังหวัดชลบุรี

เขาชีจรรย์ จังหวัดชลบุรี

            สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดชลบุรีเป็นหน้าผาหินที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ตามธรรมชาติ หน้าผาด้านหนึ่งถูกทำลายไปเพื่อใช้ในการก่อสร้าง สมเด็จพระญาณสังวรจึงมีพระดำริ แกะสลักพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่เป็นศิลปะล้านนาบนหน้าผาหินในลักษณะพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยเป็นการแกะสลักลงไปในเนื้อหินลึกกว้างประมาณ 30-40 เซ็นติเมตร ลงไปประมาณ 10 เซนติเมตร แล้วฝังกระเบื้องโมเสกสีทองลงไปในร่อง ด้านล่างของรูปแกะสลัก สลักนามพระพุทธรูปว่า” พระพุทธมหาวชิร อุตตโมภาสศาสดา ” มีความหมายว่า ” พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ ” พระพุทธรูป

วัดถ้ำผาเด่น

วัดถ้ำผาเด่น

            วัดถ้ำผาแด่น  ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร วัดอื่นๆนั่นส่วนมากจะโดดเด่นที่ศิลปะที่เป็นภาพเขียนบนผนังของพระอุโบสถหรือใดใดก็ตาม แต่วัดถ้ำผาแด่นนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่ความงดงามด้วยงานแกะสลักบนหน้าผาหินที่มีเอกลักษณ์วิจิตรศิลป์อย่างมาก รวมทั้งความร่มรื่นและเงียบสงบ เหมาะกับปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง ในอดีตได้มีเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายองค์มาจำพรรษาปฏิบัติธรรม อาทิ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตและในเวลานี้ทางวัดก็ได้จัดการพื้นที่ให้สามารถชมวิวและถ่ายรูปได้ เนื่องจากวัดตั้งอยู่บนภูเขาสูง ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น บริเวณศาลาผาแดงมองเห็นตัวเมืองสกลนครและทะเลสาบหนองหารได้แบบ 180 องศาเลยที่เดียว เพื่อเป็นการดึงเข้าประชาชนและกลุ่มวันรุ่นใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนามากขึ้นนั่นเอง

วัดหลวงพ่ออุตตมะ

วัดหลวงพ่ออุตตมะ

            วัดที่มีชื่อเสียงอย่างมากของจังหวัดกาญจนบุรี จุดเด่นของวัดนี้นั้นแตกต่างจากวัดอื่นตรงที่สมัยก่อนวัดนี้ตั้งอยู่ที่จุดบรรจบของแม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ แม่น้ำรันตี ใช้ชื่อว่า วัดวังก์วิเวการาม ซึ่งตั้งตามชื่ออำเภอเดิม ต่อมา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ก่อสร้างเขื่อนเขาแหลม จะทำให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ในเขตอำเภอนี้รวมทั้งวัดนี้ด้วย จึงได้ย้ายบางส่วนของวัดมาอยู่บนเนินเขา ส่วนวัดเดิมก็จมอยู่ใต้น้ำ จึงมีคนเรียกว่าเมืองบาดาล นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมไปชมวัดเดิมในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนที่น้ำในเขื่อนลดลง ต่ำสุด จะได้ชมเมืองบาดาลนี้อย่างชัดเจน แต่หากใครที่มาช่วงฤดูน้ำก็จะได้เห็นเพียงยอดของหอระฆังเดิมที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเท่านั้น หรืออาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของโบสถ ในส่วนของวัดใหม่ก็มีความสวยสดงดงามด้วยศิลปะแบบมอญ สร้างขึ้นอย่างใหญ่โตและอลังกาล จะต้องไปเยี่ยมชมความงดงามนี้สักครั้ง

วัดมหาธาตุ

วัดมหาธาตุ

            ตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดมหาธาตุเป็นวัดพระอารามหลวงและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีมีตำหนักของท่านอยู่ทางทิศตะวันตก วัดมหาธาตุเป็นวัดที่ใช้ประกอบพระราชพิธีทางศาสนาต่างๆ กระทั่งมีการสร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์ขึ้น จึงได้ย้ายไปประกอบพิธีกรรมที่วัดพระศรีสรรเพชญ์แทน ลักษณะเด่นของวัดมหาธาตุคือมีวิหารขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าของวัด พระปรางค์ประธานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ตรงกลาง ส่วนอุโบสถอยู่ด้านหลัง โดยพระปรางค์ประธานจะเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ ซึ่งแตกต่างจากวัดในสมัยรัตนโกสินทร์ที่จะเปรียบโบสถ์เสมือนเป็นเขาพระสุเมรุ นอกจากนี้แทนที่จะมีกำแพงแก้วรอบโบสถ์กลับมีวิหารคดรอบองค์พระปรางค์ประธานแทนบริเวณโดยรอบของวัดนี้มีความร่มรื่น ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีและไฮไลท์ที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปที่จุดนี้ คือ เศียรของพระพุทธรูปที่ถูกรากของต้นโพธิ์โอบอุ้มเอาไว้ นักท่องเที่ยวและช่างภาพนั้นให้ความสนใจในจุดนี้มากทีเดียว เรียกได้ว่าเศียรพระพุทธรูปนี้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แนะนำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็ไม่ผิด

วัดท่าซุง

วัดท่าซุง

วัดท่าซุง หรือ วัดจันทารามที่ จังหวัดอุทัยธานี วัดแห่งนี้เป็นที่เลื่องชื่อในด้านความงดงาม ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ “วิหารแก้ว 100 เมตร” ที่ตกแต่งด้วยโมเสกแก้วเล็กๆทั้งวิหาร ทำให้ดูแวววับจับตา วิจิตรงดงามยิ่งนัก ภายในวิหารแก้วนี้ มีโลงบรรจุองค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำซึ่งชาวอุทัยธานีเคารพนับถือกันมานาน เมื่อเดินเข้าไปด้านในสุดของวิหารฯ จะมีประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน ส่วนอีกด้านเป็นบุษบกตั้งสังขารที่ไม่เน่าไม่เปื่อยของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก) ก่อสร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ประดับลวดลายไทยปิดทองคำเปลวติดกระจก ใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ญาติโยมถวาย รอบนอกปราสาทใช้ทองคำเปลวปิดรอบปราสาท ใครที่ชื่นชอบความงดงามของศาสนสถานต้องห้ามพลาด

วัดป่าภูก้อน

วัดป่าภูก้อน

เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย ที่นี่เป็นสถานที่ที่สงบเหมาะแก่การบำเพ็ญภาวนาของพระสายกรรมฐาน ภายในวัดมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุ ในพระเกศพระร่วงโรจน์ศรีบูรพา ซึ่งเป็นประธานประดิษฐานหน้าองค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ มีพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ทำด้วยหินอ่อนขาวจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี ประดิษฐานภายในพระวิหารที่สวยงามสะดุดตาอย่างยิ่ง  

พระพุทธบาทพระธาตุอินทร์แขวน

พระพุทธบาทพระธาตุอินทร์แขวน

            ตั้งอยู่ที่จังหวัดลำพูน โดยเล่ากันต่อกันมาว่า สมัยก่อนมีชาวบ้านพบหินสองก้อนที่ริมผา ตั้งซ้อนกัน ดูคล้ายว่าหินก้อนบนจะหล่นลงจากผา มีคนพยายามเอาไม้งัดและคน 10 คนช่วยกันดันหินให้หล่นลงไป แต่หินไม่ขยับและไม่สามารถดันหินลงไปจากริมผาได้ จึงปล่อยหินไว้ตามเดิม ต่อมา ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา เกจิชื่อดังจากต่างอำเภอ ท่านนั่งทางในนิมิตเห็นหินก้อนนี้ จึงให้ลูกศิษย์ออกตามหา และบนลานใกล้ๆกับก้อนหินนี้มีรอยหินที่เชื่อกันว่าเป็นรอยพระพุทธบาทระทับอยู่ จากนั้นจึงมีการสร้างองค์พระธาตุขึ้นบนยอดของก้อนหินก้อนนั้น เป็นพระธาตุที่ถูกจำลองรูปแบบมาจากพระธาตุอินทร์แขวนที่พม่า นอกจากนี้จุดที่ต้องขึ้นบันไดศิลาแลงทางวัดมีกองทรายเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวผู้มีจิตศรัทธาช่วยกันทำบุญด้วยการช่วยกันขนทรายขึ้นไปสร้างบางส่วนของวัดที่ยังสร้างไม่เสร็จ ถือเป็นการทำบุญแทนการใช้เงินที่ดีอย่างยิ่ง

พระมหาเจดีย์ชัยมงคล

พระมหาเจดีย์ชัยมงคล

            เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสม กันระหว่างพระปฐมเจดีย์ และพระธาตุพนม สร้างโดย “พระอาจารย์ศรี มหาวิโร” ซึ่งเป็นศิษย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ออกแบบโดยกรมศิลปากรเป็นสีขาวตกแต่งลวดลาย ตระการตาด้วยสีทอง เหลือง อร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ ใช้ทองคำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหา เจดีย์เหมือนอยู่บน วิมานแดนสวรรค์

วัดถ้ำหลวง

วัดถ้ำหลวง

            เขาหลวงเมืองเพชร เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของเพชรบุรี เคียงคู่กับ “เขาวัง” หรือ “พระนครคีรี”ขุนเขาชื่อดังประจำจังหวัดเพชรบุรี ชื่อเขาหลวงแม้จะแปลว่าเขาใหญ่ แต่เขาหลวงเมืองเพชรกลับเป็นภูเขาลูกเล็กๆ มียอดสูงเพียง 92 เมตรเท่านั้น มีชื่อเรียกขานอีกชื่อหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมกันในท้องถิ่นเมืองเพชรบุรีว่า “ถ้ำวิมานจักรี” สำหรับความโดดเด่นของถ้ำเขาหลวงนั้น ถ้ำแห่งนี้นอกจากจะเป็นถ้ำหินปูนที่มีความงดงามจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติ มีหินงอกหินย้อยกันสวยงามแล้ว(ทั้งหินเป็น-หินตาย) ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเพชรบุรี  สันนิษฐานว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะได้รับการดัดแปลงให้เป็นพุทธสถานหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่เมื่อครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ภายในถ้ำหลวงนี้แบ่งออกเป็นหลายคูหาและในแต่ละคูหาก็จะมีพระพุทธรูปปางค์ต่างๆ ประดิษฐานอยู่ภายใน รวมถึงองเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ศิลปกรรมแบบสมัยอยุธยาและศิลปกรรมสมัยอู่ทอง ถึงแม้เจดีย์เหล่านี้ได้รับอิทธิพลมาจากสมัยอยุธยาและศิลปกรรมสมัยอู่ทอง แต่ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับใครที่ชอบธรรมชาติและไม่เหนื่อยที่จะเดิน ก็จะชื่นชอบที่นี่อย่างแน่นอน

วัดเฉลิมพระเกียรติฯ

วัดเฉลิมพระเกียรติฯ

ตั้งอยู่บนยอดเขาที่เรียกกันว่า ดอยปู่ยักษ์ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท ซึ่งภายในวัดมี รอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ด้วย และมีเจดีย์ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งเป็นไฮไลท์ของวัด ในอดีตนั้นยังไม่ได้มีการสร้างทางขึ้นเขา ชาวบ้านที่ศรัทธาจะต้องเดินขึ้นเขาฝ่าดง เพื่อไปสักการะรอยพระพุทธบาท อย่างยากลำบากเลยทีเดียวค่ะ ต่อมาเมื่อหลวงพ่อไพบูลย์ สุมัคโล เจ้าอาวาสวัดอนาลโยทิพยาราม จงหวัดพะเยา ได้เดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาท เกิดพลังศรัทธา และประสงค์จะพัฒนาสร้างวัด คณะสงฆ์จึงมีมติให้สร้าง วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชาชานุสรณ์ขึ้น  เมื่อเราเดินทางไปถึงที่จอดรถของวัดะเห็นของอุโบสถ ซึ่งประดิษฐาน พระนิรันตรายองค์จำลอง พระพุทธรูปประจำพระองค์ของรัชกาลที่ 4 และพระบรมเจดีย์องค์ใหญ่ ซึ่งภายในประดิษฐานพระประทาน 4 ทิศ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย นอกจากนี้ยังมี วิหารพระสมปรารถนา ประดิษฐาน พระสมปรารถนา สามารถแวะไปกราบสักการะขอพรได้ จากชั้นล่างของวัดนี้สามารถมองเห็นส่วนของวัดชั้นบนที่มีเจดีย์สีขาวตั้งอยู่บนยอดเขาอีกด้วย เจดีย์ที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขานั้นมีมากกว่า 10 องค์ด้วยกัน สร้างลดลั่นตามไหล่เขากันไป ด้วยแรงศรัทธาของพระสงฆ์และชาวบ้าน ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างยาวนานนับ 10 ปี และภายในเจดีย์บรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ชาวบ้านเคารพบูชาค่ะ

วัดร่องขุ่น

วัดร่องขุ่น

วัดที่สวยงามตามอุดมคติของศิลปะโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ ด้วยความที่คอนเซปคือนรกสวรรค์ ทุกๆส่วนประกอบของอุโบสถนั้นมีความหมายทั้งสิ้น เช่น สีขาว หมายถึง พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า บันไดทางขึ้นที่มี 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นเอง และบริเวณอื่นโดยรอบวัดร่องขุ่นนั้นก็งดงามสมกับความตั้งใจของจิตรกรชั้นครู ที่สวยโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นศิลปะไทยอย่างยิ่ง ไม่เว้นแม้แต่ห้องน้ำสำหรับไว้บริการพุทธศาสนิกชนทุกท่านที่ทั้งหลัง แกะสลักลายไทยและทาสีทอง บางคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอุโบสถก็ได้ เพราะออกแบบได้วิจิตรงดงามมาก

วัดศรีชุม

วัดศรีชุม

            เป็นวัดที่มีส่วนร่วมสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยโดย มีเรื่องราวที่นาสนใจเป็นเล่าสืบต่อกันมาว่า พระพุทธรูปที่ประดิษฐานภายในวัดแห่งนี้ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “พระพุทธอจนะ” นั้นเป็นพระพุทธรูปที่พูดได้ ซึ่งตามตำนานกล่าวไว้ว่าครั้งหนึ่งเมื่อครั้งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ทรงยกกองทัพไปปราบกฎที่เมืองสวรรคโลก ได้มีการเรียกชุมนุมเหล่าแม่ทัพนายกองและทหารที่วัดศรีชุมก่อน แต่การทำศึกสงครามในครั้งนี้เหล่าทหารทั้งหลายไม่ค่อยมีกำลังใจในการสู้รบ เพราะเป็นการที่คนไทยต้องฆ่าฟันกันเอง สมเด็จพระนเรศวรที่ต้องการสร้างขวัญและกำลังใจในการรบให้แก่เหล่าทหารของพระองค์ จึงได้จัดให้มีพิธีเสี่ยงทายกับพระพุทธรูป โดยพระองค์ได้เสี่ยงทายว่า หากการรบครั้งนี้หาจะมีชัยชนะกลับมาก็ขอให้พระพุทธอจนะจงกล่าวตอบ แต่ถ้าหากการรบในครั้งนี้ไม่ชนะก็ไม่ต้องตอบสิ่งใด ซึ่งผลของการเสี่ยงทายก็คือ พระพุทธอจนะก็ได้กล่าวตอบกลับมา เหล่าทหารทั้งหลายที่ได้สดับรับฟังล้วนคิดว่าพระสุรเสียรขององค์พระพุทธรูปเป็นปาฏิหารย์ขององค์พระพุทธอจนะของวัดศรีชุมแห่งนี้ ส่งผลให้กองทัพของสมเด็จพระนเรศวรมีขวัญกำลังใจในการทำศึกสงครามเพื่อบ้านเมืองเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เสียงที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นเสียงของพระพทุธรูปนั้น เป็นกุศโลบายอันชาญฉลาดขององค์พระนเรศวร ที่ได้มีรับสั่งให้คนปีนขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ในช่องอุโมงค์เล็กๆ ด้านหลังพระเศียรของพระพุทธอจนะและให้ส่งเสียงตอบองค์พระนเรศวร เพื่อเป็นการปลุกขวัญทหารกำลังใจเหล่าทหารให้ฮึกเหิมมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งจำอย่างยิ่งในการทำศึกสงคราม โดยการส่งคนขึ้นไปพูดในช่องอุโมงค์ด้านหลังขององค์พระพุทธรูปนั้น ก็จะทำให้เกิดเสียงพูดก้องกังวาลราวกับพระพุทธรูปพูดได้จริง จึงเป็นที่มาของเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาของพระพุทธรูปได้ ณ วัดศรีชุมแห่งอาณาจักรสุโขทัยแห่งนี้

วัดพระศรีอารย์

วัดพระศรีอารย์

            เป็นวัดที่อยู่ในอำเภอโพธิ์ธารามอุโบสถทองคำ ณ วัดพระศรีอารย์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรีแสดงถึงความยิ่งใหญ่อลังการแห่งพลังศรัทธาของชาวราชบุรีที่มีต่อ พระพุทธศาสนาในการก่อสร้างอุโบสถทองคำมูลค่าร้อยล้าน ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 37 ปี เปลี่ยนชื่อจาก วัดสระอาน มาเป็น วัดพระศรีอารย์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของภิกษุสงฆ์ อีกทั้ง ยังเป็น การแสดงถึงมรดกของไทย ด้านศิลปกรรม และจิตรกรรม ประดับด้วยลวดลายรูปปั้น เป็นฝีมือช่างพื้นบ้าน อุโบสถหลังใหม่นี้ไม่มีแบบสำเร็จรูป เป็นการสร้างตามแบบที่หลวงพ่อขันธ์ต้องการ และที่สำคัญไม่มีการตอกเสาเข็ม ส่วนแรงงานเป็นการลงแรงของคนในชุมชน ส่วนพระประธาน ในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะพม่า สร้างด้วยหยกขาวทั้งองค์ โดยมี หลวงพ่ออุตตมะ (พระราชสังวรอุดม) วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี เป็นประธานในการอัญเชิญ มาประดิษฐานไว้ ณ อุโบสถทองคำหลังนี้ ภายในอุโบสถติดกระจก ลงรักปิดทองบานประตู หน้าต่าง แกะสลักเรื่อง พุทธประวัติ ฝาผนัง แต่งแต้มด้วย จิตรกรรม เรื่องพระมหาชนก พระเจ้า ๕ พระองค์

อุทยานพระพุทธศาสนา

อุทยานพระพุทธศาสนา

            อุทยานพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ในอำเภอทุ่งใหญ่  จังหวัดนครศรีธรรมราช  บนเส้นทางสายเอเชียริมแม่น้ำตาปี หรือบางคนมักเรียกว่า วัดนิรนามสิ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้น่าสนใจและมีนักท่องเที่ยวภายในอุทยาน มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่กลางลานกว้าง  มีทั้งองค์สีขาว สีทอง และแบบปูนที่สร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ดี  เรียงเป็นแถวกลายเป็นภาพที่ดู Unseen แปลกตา  โดยเฉพาะในช่วงเวลาเย็นยามพระอาทิตย์ตกดินซึ่งจะปรากฎเป็นแสงทไวไลท์หลากสีเป็นฉากหลังองค์พระพุทธรูป ยิ่งทำให้พื้นที่บริเวณนี่มีมนต์ขลังมากขึ้น

ประชาคมวนาราม

ประชาคมวนาราม

ประชาคมวนาราม หรือ วัดป่ากุง ที่เป็นแบบจำลองมาจากบุโรพุทโธ ความสวยงามนั้น เรียกได้ว่ามีความใกล้เคียงอย่างมากทีเดียวค่ะ เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ ที่ทำจากหินทรายธรรมชาติแห่งแรกในประเทศไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนสถานที่นับว่าสวยงามมากๆ  และยิ่งใหญ่มากเช่นเดียวกัน มีภาพแกะสลักต่างๆ ที่แสดงถึงเหตุการณ์มากมาย ในสมัยของพระพุทธองค์ และแสดงเหตุการณ์เกี่ยวกับประวัติของพระพุทธเจ้าตั้งแต่ปางก่อนๆ และภาพแกะสลักนูนสูง นูนต่ำ ที่เล่าถึงตำนานทางศาสนา ด้วยฝีมือที่ประณีตมากๆ โดยมหาเจดีย์ทรายนั้น จะมีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน นอกจากจะได้กราบพระ ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแล้ว เราก็ยังได้รูปสวยๆ กลับบ้านอีกด้วย

วัดร่องเสือเต้น

วัดร่องเสือเต้น

เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดสถาปัตยกรรมแห่งใหม่ที่โดดเด่นสะดุดตาคือวัดร่องเสือเต้น ตั้งอยู่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ที่มาของชื่อของสถานที่แห่วนี้เมื่อก่อนมีสัตว์ป่าจำนวนมากโดยเฉพาะเสือ ชาวบ้านที่ผ่านแถวนั้นมักชอบเห็นเสือกระโดดข้ามร่องน้ำไปมา จึงเรียกบริเวณนี้ต่อๆกันมาว่า “ร่องเสือเต้น” วัดร่องเสือเต้นถูกสร้างขึ้นเนื่องจากชาวบ้านร่องเสือเต้นไม่มีที่ทำบุญในหมู่บ้าน เวลาทำบุญในวันสำคัญต้องไปทำบุญที่วัดอื่น จึงได้ร่วมกันบูรณะวัดร้างแห่งนี้ เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน โทนสีที่ใช้กับอุโบสถเป็นโทนสีน้ำเงินฟ้าตัดกับ สีทองเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับวิหาร โดยสีน้ำเงินฟ้าของตัววิหารนั้นแสดงถึงธรรมะขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าที่ขจรขจายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่เป็นความจริงตามหลักเหตุและผล เปรียบเสมือนดังท้องฟ้าที่สดใส เป็นศิลปะแนวพุทธศิลป์ร่วมสมัยที่แฝงด้วยธรรมของพุทธองค์ ส่วนภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ สีขาวมุก โดยมีพระรอดลำพูนและแก้วแหวนเงินทองหลายสิ่งถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ รวมทั้งบริเวณพระเศียรก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก รวมทั้งยังได้รับพระราชทานนาม รัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ทีหมายความว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคลเจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก” และก็ยังมีพระพุทธรูด้านนอกอุโบสถให้นักท่องเที่ยวเขากราสักการะอีกด้วย

วัดสวนดอก

วัดสวนดอก

วัดสวนดอก หรือวัดบุปผารามตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่  เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย และปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญ วัดสวนดอกสร้างขึ้นในภายในเวียงสวนดอก ซึ่งเป็นเขตพระราชอุทยานในสมัยราชวงศ์มังราย   พระเจ้ากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่ง ราชวงศ์มังราย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็น “พระอารามหลวง” แต่ต่อมาก็มีการบูรณะ อีกหลายครั้ง พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญรวบรวมพระอัฐิ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และ พระประยูรญาติ มาประดิษฐานรวมกัน เพื่อให้สมพระเกียรติ ลักษณะกู่เป็นกลุ่มสถาปัตยกรรมทรงปราสาทขนาดเล็กสร้างอยู่ในพื้นที่ เดียวกันมีการวางผังและจัดระเบียบอย่างสวยงาม ปัจจุบัน กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ  ได้ถูกจดทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญ ภายใต้การกำกับดูแลของกรมศิลปาก เป็ฯภาพที่สวยงามอย่างยิ่ง หากใครไปช่วงเย็นจะดีกว่าเพราะแดดไม่ร้อน จะสามารถเดินชมความงามของกู่เจ้านายฝ่ายเหนือได้อย่างถี่ถ้วนขึ้น ถ้าไปตอนเที่ยงคือการเอาตัวเองไปตายชัดๆ

วัดสังกระต่าย

วัดสังกระต่าย

จากการบอกเล่าต่อกันมา วัดสังกระต่าย เดิมชื่อว่า “วัดสามกระต่าย” แต่ได้มีการเรียกชื่อผิดเพี้ยนกันมาเรื่อยๆจนกลายเป็นวัดสังกระต่าย หลังเป็นวัดร้างนานนับ 100 ปี ในละแวกหมู่บ้านได้มี การสร้างวัดขึ้นมาใหม่ชื่อว่า วัดไผ่ล้อม ชาวบ้านจึงหันไปเลื่อมใสศรัทธาและไปทำบุญที่วัดไผ่ล้อมแทน ต่อมาชาวบ้านได้มาย้ายกุฏิที่วัดสังกระต่ายไปสร้างเป็นกุฏิใหม่ที่วัดไผ่ล้อม ทำให้วัดสังกระต่ายเหลือเพียงโบสถ์ร้างที่ถูกปกคลุม ไปด้วยต้นโพธิ์อย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เมื่อก่อนวัดสังกระต่าย มีเพียงพระพุทธรูป 3 องค์ที่อยู่ข้างในคือ หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุขเท่านั้น แต่มีสภาพที่โดนตัดเศียรกองไว้กับพื้น จนต้องมีการบูรณะซ่อมแซมต่อเศียรพระไว้กับองค์พระ ส่วนหลวงพ่อแก่น ได้นำเศียรพระที่ถูกตัดมาจาก อ.วิเศษชัยชาญมาบูรณะสร้างองค์ใหม่และประดิษฐานไว้ แต่ยังมีชาวบ้านบางส่วนยังมีความเลื่อมใส ศรัทธาในตัววัดถึงแม้จะเป็นวัดร้างก็ตามหลังมีเสียงร่ำลือถึง ความสวยงามของโบสถ์แห่งนี้ ก็เริ่มมีผู้คนสนใจมาชมโบสถ์มากขึ้น กรมศิลปากรได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูล เตรียมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งใหม่อีกด้วยโดยมุ่งเน้นให้คงสภาพเป็นโบราณสถานที่มีศิลปกรรมที่สวยงามตามธรรมชาติเอาไว้

ถ้ำพระยานคร

ถ้ำพระยานคร

เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สามาถเขาไปได้สองทาง ทางแรกคือการเดิน สำหรับใครที่ชอบออกกำลังกายก็สามารถเดินได้ตั้งแต่ต้นทาง ไปจนถึงพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ที่อยู่ภายในถ้ำหลวงด้วยตนเอง หรืออีกทางจะนั่งเรือเข้าไปจนถึงกลางทางแล้วเดินต่อเขาไปเอง แต่บรรยากาศของถ้ำหลวงนครนี้คือถ้ำอยู่บนเกาะกลางทะเล ที่สวยงามมากเนื่องจากอยู่ในเขตออุทยาน ทำให้เราจะได้ชมสิ่งแวดล้อมโดยรอบทั้งทะเลและภูเขาไปพร้อมๆกัน แต่เมื่อเดินเขาไปถึงตัวถ้ำที่ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ทีเดียว จะรู้ว่าความพยายามและความของผู้สร้างพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์นั้นมีมาก ทำให้ทึ่งด้วยความอัศจรรย์ใจอย่างแน่นอน ภายในถ้ำนั้นบนเพดานจะโปร่งทำให้แสงแดดสาดพาดผ่านพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ลงมา เป็นภาพที่สวยงามอย่างมากจริงๆ

วัดถ้ำเสือ

วัดถ้ำเสือ

            เป็นวัดเก่าแก่แต่โบราณกาลมีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่บนเนินเขา พร้อมด้วยพระอุโบสถอัฏฐมุขทรงไทยประดับลวดลายสวยงาม และเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท จากเนินเขาสามารถชมวิวทิวทัศน์ทะเลสาบและเขื่อนวชิราลงกรณ์โดยรอบได้ในมุมกว้าง การจะขึ้นไปความสวยงามของพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรีนั้นจะต้องเดินขึ้นบันไดใช้เวลาสักพักเหมือนกันแต่ถ้าหากใครไม่สะดวกก็มีรถรางให้บริการ ความอลังกาลขององค์พระคือตัวองค์พระสวยงามประดับ ด้วยโมเสคสีทองทั้งองค์ นอกจากนี้ ยังมีพระเจดีย์เกษแก้วปราสาท องค์พระเจดีย์เป็นสีอิฐทั้งองค์แบ่งเป็นชั้นต่างๆ หลายชั้น แต่ละชั้นจะ ประดิษฐาน พระพุทธรูปต่างๆมากมายจนถึงชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย และยังมีวิหารต่างๆให้เข้าไปสักการะพระพุทธรูปและชื่นชมความงดงามของจิตรกรรมฝาผนังภายในเมื่อชมจนทั่วแล้วก็ลงไป ข้างล่างเพื่อเข้าถ้ำเสือเป็นถ้ำขนาดเล็กอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่าง ภายในประดิษฐานพระประจำวันเกิดและจำหน่ายวัตถุมงคล

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับความสวยงาม ความอลังกายของวัดต่างๆ ในประเทศไทย ที่ต้องยอมรับเลยว่าเป็นวัดที่สวยมากจริงๆ หากมีเวลาเราขอแนะนำให้ทุกท่านไปสัการะขอพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากท่านไหนไม่ว่างหรือไม่อยากขับรถไปเอง ตอนนี้ก็มีบริการทัวร์ไหว้พระ หลายบริษัท ให้คุณเลือกซื้อแพคเกจทัวร์ไปเที่ยวกันแล้ว